WHA Group โชว์งบไตรมาสแรกปี 2566 รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรโต 11.8%

WHA Group” โชว์งบตรมาสแรกปี 2566 รายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรโต 11.8%

รับอานิสงส์ต่างชาติย้ายฐานผลิต  ธุรกิจไฟฟ้าเติบโตก้าวกระโดด 

 

กรุงเทพ - บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (“WHA Group”) แจ้งงบผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 2,440.7 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 522.7 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,420.1 ล้านบาท และกำไรปกติ 505.0 ล้านบาท จาก 4 กลุ่มธุรกิจ รับอานิสงส์การย้ายฐานการผลิตของจีน-ญี่ปุ่น-สหรัฐฯหนุนดีมานด์ของโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/ลังสินค้าสำเร็จรูป รวมทั้งพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมให้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ด้านธุรกิจไฟฟ้า ฟื้นตัวโดดเด่นจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติลดลง และค่า FT ปรับตัวเพิ่มขึ้นล่าสุดที่ประชุมผู้ถือหุ้นไฟเขียจ่ายปันผลงวดปี 2565 เพิ่มเติมอีก 0.1003 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายเงินปันผล 25 พ.ค. นี้ 

บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1 /2566 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรทั้งสิ้น 2,440.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8และกำไรสุทธิ 522.7 ล้านบาท ลดลง 20.3โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,420.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.8และกำไรปกติ 505.0 ล้านบาท ลดลง 22.7ทั้งนี้ในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีการบันทึกกำไรพิเศษจากการจำหน่ายสินทรัพย์ประเภทดาต้าเซ็นเตอร์จากธุรกิจดิจิทัล จำนวน 345 ล้านบาทซึ่งหากไม่นับรวมกำไรพิเศษดังกล่าวในไตรมาส 1/2565 กำไรปกติจะเพิ่มขึ้น 63.6 พร้อมกันนี้ บริษัท ดับบลิวเอชเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่มบริษัท ได้รับการอนุมัติให้เข้าลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนของ บมจ.สยามราชธานี (SO) สัดส่วน 20% มูลค่า 912 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ได้เล็งเห็น Synergy ที่เกิดจาก Ecosystem ที่ครบวงจรของบริษัทฯ และความเป็นผู้นำด้าน Outsourcing ของ SO ซึ่ง Synergy ดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเกิดขึ้นรวมทั้งธุรกิจในปัจจุบันของบริษัทฯ ขณะเดียวกัน ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจในอนาคตตามภารกิจ Mission to the Sun ด้วยเช่นกัน

 

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยว่า การเติบโตของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 ถือเป็นการตอกย้ำความสำเร็จการเป็นผู้นำใน กลุ่มธุรกิจ ทั้งโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน ตลอดจนดิจิทัล โซลูชัน ทั้งในประเทศไทยและเวียดนามได้เป็นอย่างดี  

 

ธุรกิจโลจิสติกส์ ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2566 เติบโตอย่างโดดเด่น รับอานิสงส์จากความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้าคุณภาพสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้สามารถลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/คลังสินค้าสำเร็จรูป เพิ่มสูงขึ้นจำนวน 64,228 ตารางเมตร พร้อมทั้งมีการทำสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงรวม จำนวน 88,608 ตารางเมตร ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 2,771,151 ตารางเมตร และมีอัตราการเช่าพื้นที่ (Occupancy Rate) โดยรวมอยู่ที่ร้อยละ 90.4 ทั้งนี้จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ในไตรมาส 1/ 2566 บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 249.6 ล้านบาท

นอกจากนี้ หลังจากเปิดโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม. 21             ึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่รวมกว่า 400 ไร่เฟส 1 ในปีที่ผ่านมา ได้การตอบรับที่ดีโดยมีกลุ่มลูกค้าสนใจเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าในกลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ (3PL) และผู้ประกอบการในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ทั้งในประเทศ และต่างประเทศจากดีมานด์ทีเพิ่มขึ้นดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯต้องเร่งดำเนินการพัฒนาโครงการในส่วนของเฟส 2 โดยปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้าให้ความสนใจและมีการจองพื้นที่เช่าเข้ามาแล้วบางส่วน อาทิ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ ผู้ประกอบการด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงลูกค้าผู้ผลิต/จำหน่ายอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์เป็นต้น

อีกทั้ง โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ บางนา-ตราด กม. 23 (ขาเข้า)ที่แม้จะเพิ่งมีการเปิดตัวโครงการด้ไม่นาน แต่ด้วยทำเลี่ตั้งของโครงการที่มีศักยภาพ ทำให้โครงการดังกล่าวได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นอย่างมาก และขณะนี้มีลูกค้าจองและลงนามในสัญญาเช่าล่วงหน้าในการพัฒนา Showroom สำหรับแสดงสินค้าแบบ Built-to-Suit พื้นที่ของโครงการดังกล่าวไปแล้วอีกด้วย

ขณะเดียวกันในส่วนของธุรกิจ Office Solutions ปัจจุบันบริษัทฯ มีการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าสมัยใหม่ย่านใจกลางเมือง จำนวน 6 แห่ง บนพื้นที่รวมกว่า 120,000 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังได้มีการลงนามในสัญญากับผู้เช่าเพื่อพัฒนาโครงการ Medical Center แบบ Built-to-Suit บนพื้นที่กว่า 6,900 ตารางเมตร โดยล่าสุด บริษัท ดับบลิวเอชเอ เคดับบลิว อัลไลแอนซ์ จำกัด (WHAKW) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มบริษัท และบริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด (TTA) ได้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อลงทุนพัฒนาพื้นที่อาคารสำนักงานในประเทศไทย ภายใต้โครงการแรกโครงการ WHAKW S25 บนถนนสุขุมวิท โดยคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2566 

นอกจากนี้ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ไดวะ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัทฯ และบริษัท ไดวะ เฮ้าส์ กรุ๊ป ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ออกแบบและพัฒนาร้านค้าปลีกยูนิโคล่            โรดไซด์ ลาดกระบัง ซึ่งถือเป็นอาคารเพื่อการค้าปลีกแบบ Built-to-Suit บนพื้นที่ขนาด 1,019 ตารางเมตร   ที่ถูกออกแบบให้ตอบสนองการใช้งานพื้นที่ได้อย่างลงตัว

ส่วนแผนการขายทรัพย์สิน และ/หรือสิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART ในปี 2566 นั้น บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายจำหน่ายทรัพย์สิน คิดเป็นพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 142,000 ตารางเมตร มูลค่าประมาณ 3,566.5 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีแผนนำเสนอที่ประชุมผู้ถือหน่วยกอง WHART เพื่อขออนุมัติในช่วงไตรมาสที่ 2/2566

ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ณ สิ้น ไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวม 487 ไร่ (ไทย 379 ไร่ / เวียดนาม 108 ไร่) และมียอดการเซ็น MOU รวม 753 ไร่ (ไทย 445 ไร่/เวียดนาม 308 ไร่) ส่งผลให้บริษัทฯรับรู้รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 1,052.5 ล้านบาท ถือว่าเติบโตอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากสามารถรับรู้รายได้จากการโอนที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สอดรับกับภาพรวมของเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนของประเทศไทย ที่ได้รับอนานิสงส์จากกระแสการย้ายฐานการทุนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาความตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ สงครามยูเครน-รัสเซียที่ยืดเยื้อ รวมถึงการปฏิรูปการเมืองในจีน ที่ทำให้ระบบห่วงโซ่อุปทานโลกได้ปรับเปลี่ยนไป ด้วยเหตุนี้ หลากหลายอุตสาหกรรมจึงต่างต้องจัดระบบการผลิตครั้งใหญ่และทำให้ประเทศผู้ลงทุนหลัก อาทิ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ หันมาเลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิต สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทย ที่เป็นฐานการผลิตและการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาคที่พร้อมรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) อาทิ ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และดิจิทัล ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ในมือแล้วกว่า 675 ไร่

“ปัจจุบัน WHA Group มีนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างดำเนินการในประเทศไทย จำนวน 11 แห่ง ซึ่งรวมถึงนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 (1,280 ไร่) ที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565 และยังมีนิคมอุตสาหกรรมใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล เอสเตท ระยอง เฟส 1 (1,100 ไร่) ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี 2 (2,400 ไร่) ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2569 นอกจากนี้ยังมีการขยายโครงการนิคมอุตสาหกรรมอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการขยายนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 เฟส 3 จำนวน 630 ไร่ และได้มีการขยายโครงการนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 เพิ่มขึ้นจำนวน 460 ไร่ ซึ่งพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ในแต่ละทำเลนั้นได้รับความสนใจจากลูกค้าจากหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มลูกค้าผู้ผลิตวัสดุแพคเกจและบรรจุภัณฑ์ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ ผู้ผลิตเครื่องมืออุตสาหกรรม เป็นต้น ตลอดจนผู้ผลิตอุปกรณ์การเกษตรและอุปกรณ์ขนย้ายดินคุณภาพสูง ที่ได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายที่ดินและลงนามในสัญญาเช่าโรงงานในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯ ไปแล้วบางส่วน” 

สำหรับนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นขยายนิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ณ ไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มียอดขายที่ดินรวม 108 ไร่ และยอดการเซ็น MOU รวม 308 ไร่ สอดคล้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีพื้นที่เขตอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 1 แห่ง และจะขยายโครงการใหม่ในจังหวัดหลักๆ ของประเทศเวียดนาม อีก โครงการ รวมเป็นพื้นที่ 20,950 ไร่ (3,350 เฮกตาร์) สำหรับเขตอุตสาหกรรมที่ได้เปิดดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ เขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ โซน1-เหงะอาน เฟส 1 ขนาด 900 ไร่ ซึ่งปัจจุบันได้มีการขายพื้นที่เขตอุตสาหกรรมให้แก่ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ การแปรรูปอาหาร วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไปแล้ว